วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2559

ถอนฟันคุดซี่ที่ 2

หลังจากผ่าครั้งแรกจบไป
ปัญหาที่พบคือเลือดหยุดไหลช้า หมอบอกว่าทำตอนเช้า ตอนบ่ายก็หยุดไหล
เรานี่ปาไปอีกสองวันกว่ามันจะหยุดสนิท (แต่มันก็ค่อยๆหยุดนะ หมอบอกบางรายไม่หยุดเลย ต้องไปหาหมออีกที)

เชคสภาพปากก่อนไปทำ

ข้างซ้ายยังเป็นรูโบ๋อยู่เลย (ถ่ายภาพมาจากกระจก ภาพเลยกลับซ้าย-ขวา)

เทียบกับด้านขวาที่ยังไม่ได้ทำอะไรมา



ทำครั้งที่สอง ล่างขวา
ขอข้ามส่วนที่เป็นการนัดไปเลยละกัน มาถึงตรงเก้าอี้หมอเลย
หมอบอกว่าซี่นี้จะยากกว่าซี่ที่แล้วนะ ไอ้เราก็งง ที่เราดูฟิล์มมาซี่ที่แล้วมันดูยากกว่านี่หว่า
หลังจากให้หมออธิบายแล้วถึงรู้ว่า  เราดูฟิล์มผิด! ดูกลับซ้ายขวามาตลอด ไอ้ข้างที่ง่ายๆอะ คือข้างที่ผ่าไปอย่างเจียนตายเมื่อสองสับดาห์ที่แล้ว
ไอ้เราก็หน้าซีดเลย คิดว่าผ่านศึกใหญ่มาแล้ว ครั้งนี้ขี้ๆ ที่ไหนได้ ครั้งนี้ดูน่าจะหินกว่าครั้งที่แล้วด้วยซ้ำ

ครั้งนี้บอกหมอด้วยว่าขอให้ถอนฟันให้ด้วย เอาแค่ข้างที่ฉีดยาชาก็พอ
หมอเค้าก็โอเค แต่บอกว่าถอนทั้งบนทั้งล่างของข้างขวาไปเลยละกัน (อย่างละซี่)
ก่อนจะทำหมอก็จิ้มให้ดูว่าซี่บนนี่รากฟันมันใกล้ไซนัส ถอนไปอาจทิ่มทะลุ หรือรากฟันหลุดเข้าไปในไซนัสได้ อาจทำให้เกิดอาการ บลา บลา บลา ไอ้เราก็หน้าซีดเข้าไปใหญ่
ถอนฟันคุดยังเข้าใจว่ามีอาการนั่นนี่ตามมาก็ไม่แปลก เพราะต้องผ่า ต้องกรอ ต้องถอน แต่นี่ถอนฟันธรรมดาๆ ยังมีอาการแทรกซ้อนได้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย
เริ่มคิดอยากจะเลิกดัดฟันอีกทีแล้วสิเนี่ย
แต่เอาน่ะ มาถึงขนาดนี้แล้ว เดินหน้าต่อไปละกัน

หมอเค้าเห็นเราหน้าซีดๆตัวสั่นๆมั้ง เลยถามเราว่าจะไปเข้าห้องน้ำก่อนไหม ตอนแรกกะจะอั้นไว้ แต่ได้ไปซะหน่อยก็ดี
เมื่อกลับมาก็เริ่มทำ ฉีดยาชาแล้วทำตามปกติ
คราวนี้ชินกับครั้งที่แล้วมาละ เลยไม่รู้สึกทรมานกับเสียงหรือแรงกดเท่าไหร่
แต่ที่ surprise คือหมอที่เราทำบอกว่าหาฟันไม่เจอนี่แหละ
เหมือนมีทางให้เลือกสองทางซ้ายกับขวา ต้องเลือกว่าไปทางไหน ถ้าไม่เจอก็คือกรอผิด ไปอีกทางนึง
ดีนะที่มีอาจารย์คนนึงที่เก่งมากๆคอยให้คำปรึกษาอยู่
เพราะหลังจากปรึกษาอาจารย์คนนั้นจนเจอฟันน้อยที่นอนคุดคู้อยู่แล้ว หมอที่ทำให้เราก็บอกมาว่ามันอยู่ลึก และเอาออกมายากมาก เหมือนเป็นข้อจำกัดของการ X-ray ที่ X-ray ออกมาแล้วดูเหมือนง่าย แต่จริงๆอยู่ลึกมาก (ไม่คิดว่าเป็นข้อผิดพลาดของเครื่องนะ เพราะ X-ray มาสามครั้งแล้ว ก็ดูอยู่ที่ๆเดียวกันหมด)
อาจารย์คนนั้นมาให้คำปรึกษาไม่พอ คราวนี้มาลงมือทำเองด้วย (หมอที่เราทำตอนแรกอายุ มากกว่าเราปีนึง, 27, ยังไม่ได้ผ่าน case ยากๆแบบนี้มา) รู้สึกโล่งอกเลย เค้าทำไปสอนไป พูดน้ำเสียงสบายๆว่า เป็นอย่างนี้ก็ทำอย่างนี้ เอาเครื่องมืออันนี้มาแล้วก็ทำแบบนี้ ดูชิวๆไปเลย
แต่เค้าบอกเคสนี้ยากนะ ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ แล้วก็คิดเงินเพิ่มด้วย

สุดท้ายก็เอาเจ้าฟันคุดออกไปได้ในที่สุด
ยากกว่า แต่ไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าครั้งแรก ยังรู้สึกว่าถอนฟันต่อไหว
หมอเค้าก็ถามว่าถอนต่อไหวไหม ก็ตอบอย่างมั่นใจไปเลยว่า "ไหวครับ!"
เค้าก็กำลังเตรียมการถอน อาจารย์คนที่ดูเก่งๆก็เดินเข้ามาแล้วพูดว่า "เแหม อยากถอนให้ดูจังเลยอะ"
พูดแค่นั้นแหละ นักศึกษาแถวๆนั้นมามุงรอบเรากันเต็มเลย
อาจารย์เค้าก็เริ่มตั้งแต่ฉีดยาชา (เจ็บ) มาสู่การถอน ซึ่งถอนสองซี่ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที งัดแป๊ปๆหลุด นักศึกษาแถวนั้นร้องว้าวกันเป็นแถว
เราก็สบายใจ ไม่เหนื่อยมาก

เดินออกมา ไม่ปวดเหมือนครั้งที่แล้วด้วย ยาชาทำงานได้ดีมาก มาจ่ายตัง (ค่าอุปกรณ์พิเศษที่ใช้ตอนผ่าฟันคุด เพิ่มมา 500 บาท) รับยาแล้วก็กลับบ้าน


คราวนี้เดินกลับได้ตามปกติเลย รีบเดินมาเร็วๆ ระหว่างทางกลับบ้านซื้อโจ๊กและนม และโยเกิร์ตมา กลับบ้านมารีบอาบน้ำ ก่อนที่ยาชาจะหมดฤทธิ์ เพราะถ้าหมดฤทธิ์แล้วคงไม่อยากทำอะไรเลยล่ะ
หิวๆด้วย ไปหาหมอบ่ายโมง ได้เริ่มทำบ่ายสอง ออกมาบ่ายสามครึ่ง ถึงบ้านก็เกือบหกโมง เวลาอาหารเย็นละ กะจะกินโจ๊ก แต่ทดสอบการเคี้ยวดูละ ปากยังชาอยู่ ไม่สามารถเคี้ยวได้แน่นอน เลยกินนมไปสองกล่อง + โยเกิร์ต แล้วรีบกิน IBU profen กันไว้ก่อนเลย
เปลี่ยนผ้าก็อต ซึ่งคราวนี้ยากหน่อย มีตั้ง 3 อัน เพราะต้องอุดรูที่ถอนฟันไว้ด้วย แล้วปากก็ยังชาอยู่ ยังอ้าไม่ค่อยได้ แตะก็ไม่รู้สึกว่าวางผ้าไว้ถูกที่ป่าว

เสร็จแล้วก็นั่งประคบน้ำแข็งต่อไป ตอนนี้ทุ่มนึง ยาชาเริ่มหมดละ เริ่มปวดๆมาละ โอยยย พรุ่งนี้จะไปทำงานไหวไหมเนี่ย

สภาพหลังจากกลับมา อุดผ้าก็อตเต็มปาก


ลองแกะผ้าออกดู เลือดชุ่มเลย :'(


เหงือกเป็นโพรงเบย

เทียบกับอีกข้างที่เพิ่งหาย


ที่ถอนฟันออกมาเลือดไหลอยู่เลย (หวาดเสียวจุง)

ซี่ล่าง


update: หลังจากปวดมากๆอยู่จนถึงสองทุ่มก็เริ่มหายไปเป็นปลิดทิ้ง ไม่รู้เพราะยาเพิ่งออกฤทธิ์หรือป่าว
แต่หยิบโจ๊กมากินคราวนี้ไม่เหมือนคราวแรก คราวแรกเคี้ยวสบายๆ คราวนี้เคี้ยวแล้วมันรู้สึกแปลกๆ เจ็บก็ไม่ใช่ เป็นความรู้สึกว่า ไม่ควรเคี้ยวอะ ทำให้กินพวกหมูไม่ได้เลย (ผักชียังลำบากเลย ต้องกลืนๆเข้าไปเลย ติดคอนิดนึง)
ตอนทำฟันหมอเค้าบอกว่ามีส่วนช้ำๆ เลยลองเอาไฟส่องเข้าไปในปากดู
โอ้โห! ช้ำเยอะเหมือนกันนะเนี่ย น่ากลัวชะมัด เป็นรอยม่วงๆเลย



วันนี้ใช้ผ้าก๊อตเยอะอีกแล้ว แต่ที่มหิดลนี่จะให้มาให้แค่ 2 อันเอง ดีนะที่ขอของบริษัทมาอีก 4 อัน ไม่งั้นได้วนใช้ของเก่าแน่

ความบวมในวันนี้



หลังจากผ่าไปวันพฤหัส เหมือนวันศุกร์จะเดินและพูดเยอะไปหน่อย ทำให้คืนวันศุกร์นี่ปวดมาก นอนไม่หลับเลย ต้องลงมาให้อะไรกันเพื่อซัด ibu ไปอีกเม็ด
ลองส่องๆดูในปากก็ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติ ไม่รู้เจ็บที่อะไร แต่รอบช้ำจางๆลงละ




มาวันเสาร์ ก็ยังเริ่มเคี้ยวหมูในโจ๊กได้แล้ว แต่ก็ยังกินได้แค่โจ๊กกับข้าวต้มเหมือนเดิม ลองหยิบถั่วงอกในผัดไทมากินแล้วยังทรมานอยู่ เหมือนไหมมันตึงๆ ทำให้ขยับปากมากไม่ได้ แต่อาการบวมลดลงหน่อยแล้ว

ลองเทียบๆกับรูปก่อนหน้าแล้วเหมือนความยาวของไหมมันลดลงแฮะ น่าจะเจ็บเพราะเหงือกมันงอกขึ้นมามั้ง

วันเสาร์ก็ปวดเป็นพักๆ แต่ประคบน้ำแข็งแก้ปวดไปได้ แต่ก่อนนอนคงต้องจัดยาไปซักเม็ดล่ะ เดี๋ยวนอนไม่หลับอีก



มาดูรูถอนฟันมั่ง ดีขึ้นเยอะเลย เลือดไม่ไหลละ



คืนวันอาทิตย์
เมื่อวานเตรียมการป้องกันมาอย่างดี กิน ibu ก่อนนอน 1-2 ชั่วโมง
วันนี้ก็เอามั่ง เพราะตอนเย็นๆเริ่มปวดอีกละ แต่ยังไม่กินตอนนั้น ใช้น้ำแข็งประคบไปก่อน ไม่ได้อยากกินยาเยอะ เพราะมีหวังว่าจะได้กินอีกหลายวัน

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกับคืนวันเสาร์ก็คือ มันไม่หายปวดน่ะสิครับ ไม่รู้ว่าดื้อยา หรือคนทำยาเค้าลืมใส่ตัวยาลงไปในเม็ดนั้นกันแน่
ทรมานมาก แต่ก่อนนอนก็ทำสมาธิ คิดว่าไม่เจ็บๆ (ก็ไม่เจ็บจริงๆ) แล้วก็หลับไปเอง



ตื่นมาวันจันทร์รู้สึกดีมาก เพราะอาการปวดเมื่อคืนหายไปแล้ว รู้สึกว่าจะเริ่มเคี้ยวได้หน่อยนึงแล้วด้วย
หน้ายังบวมอยู่เล็กๆ แต่เคี้ยวกับข้าวได้ก็โอเคละ
รู้สึกเสียวฟันกรามซี่สุดท้ายนิดๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร เหมือนมีอะไรหนึบๆติดอยู่ด้วย

วันนี้ตอนเอาลิ้นไปดุนๆฟัน เห็นว่ามีเส้นอะไรไม่รู้ติดที่ซอกฟัน เลยเอามือดึงมันออก
พอดึงเท่านั้นแหละ จ๊ากเลย มันคือไหมเย็บแผล ไม่ใช่เศษอาหาร (ดีนะไม่ได้กระชากแรงจนขาด)
คืนวันจันทร์


วันอังคาร 
วันนี้ตอนนอน ดันดิ้นเอามือไปชกแก้มข้างขวาที่บวมๆอยู่ด้วย เจ็บมากกก
เป็นการตื่นที่ทรมานจริงๆ

วันนี้ไม่ค่อยปวดละ (ถ้าไม่นับที่ชกตัวเองไปเมื่อเช้า) แต่สิ่งที่มีเพิ่มเข้ามาคืออาการ "เสียวฟัน" 
มันเสียวมากครับ เสียวจนทนไม่ไหวเลย ไม่รู้ว่าสาเหตุจากอะไร เป็นอาการที่มันกำลังจะหายรึเปล่า หรือว่าชั้นเคลือบฟันมันหาย หรือเหงือกมันร่น 
ก็อยากไปหาหมอฟันนะ แต่กลัวไปเสียเที่ยว รอดูพรุ่งนี้ก่อนละกันว่าหายไปยัง
การเคี้ยววันนี้ยังเหมือนเดิม พอเคี้ยวได้นิดหน่อย
พอกินไก่ต้มได้ละ แต่ตอนเย็นกินโคลสลอว์ คิดว่ามันชิ้นเล็กๆ กินได้ แต่ไม่ใช่ มันแข็งกว่าที่คิดเยอะเลย กัดทีนี่เจ็บเล็กๆ
ตกดึกก็ยังเสียวฟันอยู่  วันนี้ยาแก้อักเสบหมดละ พาราก็กินไม่ได้แล้ว (ฉลากบอกไม่ควรกินติดกัน 5 วัน) จริงๆก็ไม่น่าเกี่ยว พารามันแก้ปวด อันนี้เราเสียวฟัน กินไปก็เพิ่มภาระให้ไตป่าวๆ

แต่ดันคิดผิด!
คืนวันนี้ตื่นมาตีสองพร้อมอาการปวดมากๆ!
ต้องลงมากิน ibu ทันที

วันพุธ
มื้อเที่ยงจัดหนักไปหน่อย ทำให้ปวดมากกกก
ต้อง ibu อีกเม็ดตอนเที่ยง อาการเสียวฟันยังมีอยู่บ้าง (จริงๆน่าจะมีอยู่ตลอด ความเจ็บมันกลบความเสียวฟันไป)
ตอนกลางคืนกิน ibu  อีกเม็ด

วันพฤหัส
ถึงวันตัดไหมแล้วววววว
สภาพฟัน และความโสโครกของฟันด้านใน ก่อนตัด


สภาพหลังตัดเสร็จ ยังเห็นมีรอยเย็บอยู่
หมอบอกที่เสียวนั่นเป็นเรื่องปกติ เพราะซี่ที่เพิ่งผ่าไปอยู่ลึกมาก
ไปแอบอยู่ข้าวล่างอีกซี่นึงเลย
ไอ้ที่เห็นรอบผ่าไปข้างหลังนี่คือผ่าไปผิดทาง หาไม่เจอ จริงๆไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ (แต่มีก็ทำให้ผ่าได้ง่ายกว่าล่ะ)


ไหมด้านข้างก็หายไปแล้ว
มีรอยเลือดระหว่างฟันนิดๆ

แผลที่ถอนมาวันนี้ก็เลือดหยุดแล้ว
(ตอนถอนนี่กลัวมาก เค้าไม่ยอมปิดตาให้)
ถอนบ่ายสองครึ่ง 
ยาชาหมดตอนประมาณ 6 โมง
ผ้าก๊อตเปลี่ยนไป 5 ผืน
ผืนที่เปลี่ยนกัดแบบให้มันออกมาข้างนอกด้วย เพื่อดูว่าชุ่มเลือดหรือยัง


เทียบสองข้าง


ตื่นเช้ามาวันศุกร์ หายเจ็บแล้ว ยิ้มได้อย่างสบายใจ
ยังตึงๆแผลที่ผ่าฟันคุดอยู่ เคี้ยวได้แล้ว แต่ลำบากหน่อย เพราะมีร่องฟันที่หายไปทั้งสองด้าน
ก็ยังกินอาหารอ่อนๆไปก่อน เพราะกินง่ายดี












วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

ถอนฟันคุดซี่ที่ 1


และแล้วก็มาถึงวันที่นัดไว้
ตื่นเช้ามาแก้มยังบวมอยู่เลย ยังคิดอยู่เลยว่า ไปแล้วจะเสียเที่ยวไหม
แต่ไหนๆก็ลาไปแล้ว ลองไปดูก่อนละกัน เผื่อฟลุคได้ทำขึ้นมา
ไปถึงตอน 9 โมงตรงเวลาเป๊ะ รอจนถึงเกือบๆ 10 โมง (ตามที่เค้าเคยบอกวันเสาร์) ได้เข้าไปรอข้างในต่ออีกแป๊ป ซักพักก็ได้ทำ
ก่อนหน้าที่ทำหมอถามว่าอ้าปากแล้วเจ็บไหม
เราก็ตอบไปอย่างมั่นใจว่า "ไม่เจ็บครับ" เพื่อที่จะให้หมอเห็นว่าเราทำได้
หมอถามต่อว่าเอานิ้วสามนิ้วยัดเข้าไปได้ไหม
เราก็ลองทำดู แต่ เฮ้ย! แม่งยากกว่าที่คิดว่ะ เข้าก็จริงแต่ลำบากมาก คือสี่นิ้วนี่ไม่ได้แล้วอะ แผลบวมนั่นยังออกฤทธิ์อยู่จริงๆด้วย

แต่ในเมื่อเอาสามนิ้วเข้าได้หมอก็ทำให้ล่ะ
เริ่มฉีดยาชา คราวนี้รู้สึกร้อน + เจ็บเล็กๆตอนเค้าฉีด ไม่เหมือนที่หมอผู้หญิงแถวบ้านทำให้
เค้าถามว่าชาไหม เราก็บอกไม่ชา ครั้งที่แล้วผมก็ชาช้า
เค้าเลยจัดไปอีกที คราวนี้แหละชาเลย ทั้งปากทั้งคาง (ตรงลิ้นไม่ค่อยรู้สึก)

ก่อนทำฟันที่นี่เค้าจะ paint ปากก่อนด้วย ด้วยอะไรไม่รู้ ทำให้ไม่แน่ใจว่าที่ชานี่เพราะมีอะไรติดอยู่ที่ปากรึเปล่า

เค้าฉีดยาชาแล้วก็จัดการทำเลย จิ้มไปซักพัก ค่อยมาถามว่าเจ็บป่าว (ถามช้าไปไหมมม) ก็เจ็บอยู่นะ แต่ไม่ใช่เจ็บตรงเหงือกที่เค้าจิ้ม
เจ็บตรงแผลที่มันบวมๆ เลยบอกไปว่าไม่เจ็บ เค้าก็ทำต่อไป
ระหว่างนั้นก็ภาวนาให้เค้าทำช้าๆ รอให้ยาชาค่อยๆออกฤทธิ์ก่อน

เป็นการทำที่ทรมานมาก เนื่องจาก
1. ฟันคุดอยู่ลึก
2. ฟันอยู่ในท่ายาก

ทั้งขูดทั้งเจาะอยู่นานมาก มันไม่เจ็บนะ แต่ว่าบางจังหวะมันเสียวฟันมาก ดีที่หมอเตือนไว้ก่อนว่าฟันเราอยู่ลึก ใกล้เส้นประสาทมาก เพราะงั้นทำๆไปมีเสียวฟันแน่ๆ เลยเตรียมใจเอาไว้ก่อนแล้ว

นอกจากจะเสียงเป็นพักๆจนต้องจิกเบาะตลอด ยังมีเสียงเครื่องมือตัวนึงที่ดังมากๆ ดังจนอยากจะเอามือที่จิกเบาะมาอุดหูแทนเลย

ตอนที่เค้าพยายามงัดฟันออกนี่ก็กดลงไปหนักมาก หนักจนไปทั้งหน้าเลย ดีนะที่ฉีดยาชาอยู่ไม่งั้นคงเจ็บจนร้องจ๊ากอะ ทำเสร็จประมาณ 11:30 จริงๆในใจก็คิดตลอดนะ ว่าหมอต้องลืมถอนฟันแน่ๆ  แต่ไม่บอก เพราะว่าแค่ถอนฟันคุดก็เหนื่อยมากแล้ว ถอนอีกคงไม่ไหว
พอได้มานั่งข้างนอกแล้วไม่อยากลุกเลยอะ มันระบมไปหมด
กลืนน้ำลายยังเจ็บเลย ความรู้สึกเหมือนเจ็บคออะ แต่ไม่ใช่ จริงๆคือเหงือกมันสะเทือน
นั่งเจ็บอยู่ซักพัก จริงๆก็นานอยู่ นานจนหมอที่ทำฟันให้ออกไปพักกลางวันมาถามเลยว่าถึงคิวหรือยัง
เอ้อ ลืมบอกไปเรื่อง ที่นี่มีที่ทำฟันหลายบู๊ตมากนะ ที่นับได้ขั้นต่ำก็ 10 ช่องเลย (จริงๆมีเยอะกว่านั้น 2-3 เท่ามั้ง)

หลังจากออกจากคณะทันตะมาก็เดินอย่างช้าๆไปรถไฟฟ้า เป็นการเดินที่ช้าที่สุดในชีวิตเลยมั้ง มีคนแซงตั้งหลายคน เด็กยังเดินแซงเลย ปกติเป็นคนเดินเร็วนะ แต่วันนี้ไม่ไหวจริงๆ มันเสียวในช่องปากไปหมด ไม่อยากกระแทกแรง (ไม่ถึงขั้นเจ็บนะ แต่มันเสียวฟันแบบบอกไม่ถูก เป็นความรู้สึกแบบ เมื่อไหร่มันจะหาย)

ระหว่างทางก็พยายามจะหาซื้อโจ๊กกิน แต่หาไม่ได้ เลยซื้อชานมดฉาก๊วยแทน ตอนสั่งก็ทุลักทุเลมาก พูดได้นะ แต่ไม่อยากพูด ปากมันชาๆ เลือดเต็มปาก เลยถ่ายรูปเมนูแล้วยื่นให้เค้าเอา
(เพิ่งมานึกได้ทีหลังว่าข้างใต้ทันตะมันก็มีศูนย์อาหาร และน่าจะมีโจ๊กขายด้วย)

มาถึง office นี่ไม่มีแรงทำงานเลย มันมึนไปหมด (อารมณ์เหมือนคนไปบริจาคเลือดตอนที่นอนไม่พอ) ไม่อยากทำอะไรเลย แต่ยังพอทนๆไหว เพราะงานไม่ได้เร่งมาก ถึงจะรำคาญที่พูดไม่ได้เวลามีคนชวนคุยก็ตาม


รอให้เลือดหยุดไหลซักพัก (ยังกัดผ้าก๊อตอยู่ เปลี่ยนทุกชั่วโมง) หมอเค้าบอกช่วงบ่ายก็หยุดแล้ว แต่ของกูไม่หยุดนี่ดิ  แต่มันหิว เลยกินนมไปสองกล่อง ชานมเฉาก๊วย 1 แก้ว แล้วรีบเอา Buprofen ยัดปากเลย กินกันไว้กลัวยาขาหมดฤทธิ์แล้วเป็นแบบครั้งที่แล้วอีก
มีกินกล้วยปั่นด้วย แต่กินไม่หมด มันเค็มๆ แปลกๆ ไม่รู้เพราะเลือดที่อยู่ในปากรึเปล่า
ไม่ชอบความรู้สึกที่ยาชายังอยู่เลย มันแปลกๆ ปากดูหนาๆ ชาๆ ควบคุมไม่ค่อยได้

ยาชาหมดฤทธิ์ไปประมาณสามโมงครึ่ง ตอนนั้นไม่เจ็บแผลเท่าไหร่ น่าจะเพราะว่ากินยาเข้าไปแล้ว ยาชาหมดฤทธิ์แล้วรู้สึกทำงานได้มากขึ้น

กลับบ้านมากินอาหารนิ่มๆ จริงๆมีความรู้สึกว่ากินอะไรก็ได้นะ ไม่ได้เจ็บมาก แค่เคี้ยวแต่ฝั่งขวาก็พอ วันนี้จัดกระเพาะปลา + ไข่ลวกไป ก็กินได้นะ ลำบากตอนที่จะอ้าปากเอาชิ้นใหญ่ๆเข้านั้นแหละ อ้าไม่ค่อยขึ้น

ตอนนี้จะจบวันแล้ว เลือดยังไม่หยุดไหลเลย พยายามยัดผ้าก๊อตไปให้ไม่โดนลิ้นละ ไม่งั้นจะคลื่นไส้ อยากเอาออก
มื้อเย็นก็ยัด Buprofen เข้าไปอีกเม็ด รอดูพรุ่งนี้ถ้าไม่ปวดค่อยเลิกกิน

ถึงตอนนี้ ไม่ได้ปวดอะไรเลย แค่รำคาญที่เลือดไม่ยอมหยุดซักทีนั่นแหละ
มารอดูต่อละกันว่าพรุ่งนี้จะใช้ชีวิตตามปกติได้หรือยัง

เอ้อ ตั่งแต่กลับมานี่ลืมประคบน้ำแข็งเลยแฮะ ไปหามาประคบก่อนดีกว่า เผื่อมันทำให้แผลหายบวมเร็วขึ้น


สถาพไหมเย็บแผล หลังจากผ่านมาซักพัก


วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2559

ประสบการณ์ผ่าฟันคุด

หลังจากลังเลใจอยู่หลายปี ในที่สุดก็ตัดสินใจผ่าฟันคุด

ครั้งแรกนัดคลินิกแถวบ้านไว้ซะดิบดี
พอวันจริงมาถึง เข้าร้านหมอฟัน รอคิวแป๊ปนึง แล้วก็เข้าไปนั่งเก้าอี้เชือด
ฟังเพื่อนเล่ามาละว่าตอนทำอะ มันไม่เจ็บหรอก เพราะเค้าจะฉีดยาชา เราจะไม่รู้สึกอะไรเลย แต่หลังจากทำเสร็จ ยาชาหมดฤทธิ์แล้วจะปวดมากกกก (ยาชามีฤทธิ์ 2-3 ชั่วโมง)

หมอฟันเค้าก็จัดการฉีดยาชาให้เรา
ถามว่าเราชารึนัง
คือการชามันจะเริ่มมาจากชาที่ลิ้นก่อน (ความรู้สึกคือลิ้นจะรู้สึกซ่าๆ )จากนั้นจะไปที่ริมฝีปาก จะรู้สึกว่าริมฝีปากหนาขึ้น ควบคุมไม่ค่อยได้ (ตอนที่ชาเต็มที่ อมน้ำไว้ในปากยังไม่ได้เลย มันพุ่งปรี๊ด) 
แต่ทีนี้การที่ยาชาจะออกฤทธิ์ของแต่ละคนมันไม่เท่ากันไง มีตั้งแต่ 10 นาทีไปจนถึงเกือบชั่วโมง
ดังนั้น การมาผ่าฟันไม่ควรมาดึกมากนะ ไม่งั้นมันจะกดดัน คือมันก็ใกล้เวลาคลินิกปิดแล้ว ต้องให้ทั้งหมอ ทั้งคนอื่นๆในคลินิกมาอยู่ดึกเพราะเรามันก็เกร็งๆนิดๆ

ของเรานี่ปาไปครึ่งชั่วโมงเลยมั้งกว่ามันจะชาที่ปาก แล้วลงมาที่คาง (ลิ้นชาไปก่อนหน้านั้นนานแล้ว)
ถ้าเกิดเราไม่ชาจริงๆ อย่าไปโกหกหมอ! ไม่ชาก็คือไม่ชา ต้องรอ ไม่งั้นตอนทำมันทำไม่ได้ ก็ต้องหยุดอยู่ดี

พอเริ่มทำ หมอจะกรอเหงือกเราออก เพื่อหาฟัน จากนั้นก็จะดึงฟันออกมา เย็บแปล เสร็จ!
ฟังดูเหมือนง่าย แต่เนื่องจากฟันคุดของเรานั้นมันอยู่ลึกมวากกกกกก
หมอเค้าก็กรอไป กรอไป 3-4 รอบแล้วไม่เห็นฟันซักที
เลยพาเราไป X-ray อีกรอบ (X-ray เครื่องเล็ก เห็นฟัน 2 - 3ซี่)
หมอเค้าบอกในฟิล์มก็เห็นอยู่นะ แต่ทำไมไม่เจอซักทีก็ไม่รู้

หมอลองกรอให้อีกรอบ ไม่เจอซักที หมอเลยเลิกล้มความพยายาม บอกว่าจะส่งเราไปที่คณะทันตะของจุฬา หรือ มหิดล แทน ที่นั่นมีคนที่มีความเชี่ยวชาญเยอะกว่า 
หมอบอกว่าครั้งนี้หมอจะไม่คิดเงินอะไรเลย
เราก็แอบเกรงใจหมอนิดนึง เสียเวลาหมอ เสียยาชาไปเยอะ (ค่อยๆฉีดไปหลายรอบ ไม่ชาซักที) แล้วไหนจะมียาแก้อักเสบ แก้ปวด ที่ให้มาอีก
แล้วก็กลับบ้านมาอย่างงงๆชาๆ ใช้ชีวิตตามปกติไปซักพัก เริ่มรู้สึกหิว

ก็คิดว่าตอนนี้ยาชายังอยู่ น่าจะพอกินได้ เดี๋ยวยาชาหมดฤทธิ์แล้วน่าจะเจ็บมาก เลยตักข้าวมากินหน่อยนึง
ผลก็คือ กินยากมากกกกครับ เพราะปากด้านซ้ายที่ชาอยู่มันควบคุมไม่ได้จริงๆ แป๊ปๆเผลอไปกัดปากอีกแล้ว คือตอนนั้นมันก็ไม่รู้สึกหรอกนะ นึกว่ากัดโดนเนื้ออะไรซักอย่างเหนียวๆ แต่กว่าจะกินเสร็จนี่ปาเข้าไปหลายแผลเลย ตอนกลางคืนส่องกระจกดูปากด้านในแล้วแทบร้องไห้ รอยแดงๆเต็มไปหมด

เป็นบทเรียนไว้เลยว่า ตอนปากชาอยู่ห้ามเคี้ยวอะไรทั้งนั้น 

กินข้าวเสร็จก็ดูการ์ตูนรอเวลาอาหารย่อยก่อนจะเข้านอน แต่พอจะเข้านอนเท่านั้นแหละ เหมือนยาชามันหมดฤทธิ์ เจ็บ มาก ! คือมันก็ไม่ได้ทุรนทุรายมากนะ แต่เจ็บอะ ต้องเอาน้ำแข็งประคบแล้วเอาตุ๊กตามาจิกเลย 

หยิบ nutofen มากินเลยด้วย (หมอให้มา บอกถ้าปวดมากให้กินตัวนี้ แต่ตัวนี้มันกัดกระเพาะ ควรกินหลังอาหารทันที)

กินยาไปซักพักเริ่ม ok ขึ้น ยามันดีจริงๆ ทำครั้งหน้านี่กินยานี้หลังอาหารละ (แต่จะกินอาหารไงวะ ปากชาอยู่)

อ้อลืมอีกเรื่อง เราต้องกัดผ้าก๊อตไว้ด้วยนะ ห้ามเลือดตรงเหงือกนั้นแหละ ถึงหมอจะเย็บเผลอให้แล้วแต่มันก็ยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ ก็กัดไว้ เปลี่ยนตอนที่เลือดมันชุ่ม ตอนนอนก็เอาออก (เพราะมันหมดพอดี)
ตอนนอนวันนี้ยังปกติดี (ขอบคุณ nutofen) 

วันรุ่งขึ้น เตรียมตัวไปหาคณะทันตมหิดล (จริงๆอยากไปจุฬา เพราะอยู่สยาม ไปทำงานหรือไปสอนต่อง่าย) แต่หมอบอกว่ามหิดลคนน้อยกว่า มีโอกาสได้ทำเลย

พอไปถึงก็กรอกประวัติ ทำบัตรสมาชิก 20 บาท (จริงๆควรเรียกว่าบัตรผู้ป่วยมากกว่า)
ขึ้นไปชั้น 3 แผนกศัลยกรรมฟัน มีคนรออยู่พอสมควร ขึ้นไปยื่นจดหมายที่หมอเขียนมา ยื่นฟิล์ม ตอนแรกเค้าบอกจะให้นัดไว้อย่างเดียว เพราะวันนี้คิวเต็มแล้ว แต่บอกเค้าไปว่าเราทำมาเมื่อวาน อยากทำวันนี้ต่อเลย ทำอะไรมาบลาๆๆ ไป
เค้าก็เลยให้เราต่อคิวนั่งรออยู่ประมาณ 20 นาที เค้าก็ไล่ให้ไป X ray ใหม่ เพราะเค้าอยากเห็น film หลังจากที่ทำมา (ค่า X ray 400 บาท ไม่รับบัตรเครดิตด้วย :( ) รอ film อีก 15 นาทีแล้วก็ได้เข้าไปทำฟัน
หมอ (เหมือนเป็นนักศึกษามั้ง) ดูๆข้างในปากเราซักพัก ก็ไปปรึกษากับคนอีก 2-3 คน ข้อสรุปก็คือ เรายังมีอาการบวมอยู่ ให้มาทำใหม่วันจันทร์ละกัน

เราก็แบบเซ็งดิ อะไรวะ ทำตั้งแต่วันศุกร์ ปวดไปแล้ว ก็อยากจะปวดทีเดียวจบๆไปเลย นี่ต้องมาปวดใหม่หลายๆรอบ 
แต่เค้าก็ดูพยายามหา solution ให้เรา (จริงๆคิวมันยาวมาก เค้าบอกว่ามาจันทร์เช้าน่าจะพอแทรกได้)

เราก็จำใจเดินออกมาอย่างเศร้าๆ 
กินยาแก้อักเสบให้ตรงเวลา แล้วได้แต่หวังว่า วันจันทร์เราจะหายบวมแล้วมาทำได้ซักที
(ตอนนี้วันอาทิตย์ ยังบวมอยู่เลย :'( )